เนื่องจากเริ่มไม่ค่อยมีเวลาอัพเดต2บล็อคพร้อมๆกันแล้ว
เลยตัดสินใจหยุดการอัพเดตบล็อคนี้
แล้วรวมไปกับเว็ป GISGISGISเลยดีกว่า...ดังนั้นจากเป็นต้นไป
ตามอ่านได้ที่เว็ป GISGISGIS ที่เดียวนะครับ

ขอบคุณครับ : )
http://gisgisgis.blogspot.com
http://www.facebook.com/GISGISGISblog


28 November 2010

track | das racist: "rapping 2 u" [ft. lakutis] (2010)


Das Racist: "Rapping 2 U" [ft. Lakutis]
from Sit Down, Man (2010)

ช่างเป็นวงแร็ปที่กวนตีนเหลือเกิน กวนจนเลยขั้นความเก๋า ไปสู่ความฮาได้อยู่เรื่อยๆตลอดอัลบัม... แต่ต้องยอมในความจ๊าบเก๋าของพวกเขา ที่เต็มไปด้วยความเนิร์ดและความ'ไม่-ขาโหด'เลย ...Rapping 2 Uคือแทร็คเด่น(ที่สุด?)จากอัลบัมที่โคตรเยี่ยม 'Sit Down, Man'ที่ไม่อยากให้พลาดกันเลย -- แค่ใช้เลือกที่จะแซมป์เพลงที่ชวนนึกถึงโอตาคุญี่ปุ่นชอบกล(ใครรู้บ้างว่าเพลงอะไร-บอกด้วย) แล้วดูลีลาแร็ป...."They called us joke rap. We kind of rerap. We just like rap. We don’t even need rap. Could get a real job, only rap weekly. I don’t need rap. Told you, rap need me" ...ต้องบอกว่า ...เชี่ยยยยยยย เก๋าาาาาา สาดดดดด



Das Racist: "Fashion Party" [ft. Chairlift]
from Sit Down, Man (2010)


Das Racist: "Commercial"
from Sit Down, Man (2010)

track | summer camp: "round the moon" (2010)


Summer Camp: "Round The Moon"
from Young EP (2010)

ปีที่แล้ว Ghost Train ของ Summer Campดูโอ'ถวิล-หวาน'จากสวีเดน ติดอันดับหนึ่งในเพลงโปรดแห่งปี2009ของข้าพเจ้า ...ปีนี้ Round The Moon จะทำได้หรือไม่!โปรดติดตาม... ลองรับฟังเพลงสุดnostalgic กับวีดีโอที่ตัดต่อจากหนังเรื่อง Swedish Love Story ...เข้ากันได้ดี ออกมาละมุนละไมมากมายก่ายกอง

25 November 2010

track | robyn: "call your girlfriend" (2010)


Robyn: "Call Your Girlfriend"
from Body Talk (2010)

Dancing On My Own สำหรับผมเป็นหนึ่งแทร็คที่ดีที่สุดของปี2010อย่างไม่ต้องสงสัย ...เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่เพลงสมควรได้คะแนน10/10 ...มันคือเพลงที่สมบูรณ์ -- Call Your Girlfriendตอกย้ำความเป็นราชินีแห่งเพลงป็อปของเธออีกครั้ง -- ไม่มีอะไรใน Call Your Girlfriendที่ผมrelate toได้เลย แต่กลับสร้างผลกระทบอย่างมหาศาล ผมได้สัมผัสถึงสวยงามของLove Story และความเจ็บปวดของTragedy ผ่านดนตรีป็อปลูกกวาดหวานๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไรลึกซึ้งในสายตาคอเพลงบางคน -- คล้ายกับDancing On My Own มันเป็นเพลงชวนฝัน โลกสีชมพูของการ์ตูนตาหวาน แต่คราวนี้เล่าผ่านRobyn ที่บอกให้ชายหนุ่ม "Call your girlfriend/It's time you had the talk/Give your reasons/Say it's not her fault/But you just met somebody new"

วิธีที่เธอร้อง การเรียบเรียงดนตรีที่เธอใช้... มันช่างเป็นจุดสูงสุดเท่าที่ดนตรีป็อปดีๆเพลงหนึ่งจะเป็นได้ มันสวยงามอาจทำให้คุณเจ็บปวดได้ ทุกอย่างในเพลงนี้ช่างงดามเหลือเกิน ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากความจริงที่ว่า...Call Your Girlfriendเป็นเพลงที่ดีมากๆ

คุณคนจงรับทราบ...Robynคือราชินีแห่งป็อป

track | tomorrow, yesterday: "here we go" (2010)


Tomorrow, Yesterday: "Here We Go"
from To...From... (2010)

Here We Goเป็นเพลงแร็ปท่องเที่ยว แนว'ฉันกะเธอไปรอบโลกกัน' Here we go yo! Here we go!...สนุกสนานกันไปด้วยlyricsเท่ห์ๆ ที่พามาถึงเมืองไทยเชียว "maybe we can even meet the muay thai man..." ฮา... ลองฟังดู อ๋อ..อัลบัมมีให้โหลดฟรีด้วยนะ ชอบก็ไปหากันดู

Tomorrow, Yesterday - Here We Go (via)

track | violens: "acid reign" (2010)


Violens: "Acid Reign"
from Amoral (2010)

ถึงเวลาที่ดนตรีบริทร็อต บริทป็ฮป บริทบลาบลาบลา... จะกลับมารึยัง? โหยหาดนตรีร็อคแน่นๆ เบสหนาๆกีต้าร์แสบๆเปล่่า? Violensปะหล้าาา แค่ขึ้นต้นเพลงมาก็แน่นซะขนาดนั้น กลองกับเบสไปด้วยกันอย่างหนักแน่น เสียงร้องใหญ่ๆก้องๆ กีต้าร์แตกที่พุ่งพล่านสลับกันริฟท์เก๋ๆตามสูตรร็อคแอนด์โรลล์ ...ชอบปะหล้าาาา ลองฟังทั้งอัลบัมเลยเด่

track | twin shadow: "slow" (2010)


Twin Shadow: "Slow"
from Forget (2010)

อย่าคิดว่าTwin Shadowเป็นแค่อีกวงอินดี้ที่เล่นเพลงอารมณ์retroๆ นับวันผมจะยิ่งชอบอัลบัมForgetของเขามาขึ้นเรื่อยๆ ฟังSlowแล้วแล้วนึกถึงThe Smithsเหลือเกิน ทั้งวิธีร้อง วิธีเรียบเรียงและmixซาวน์ ฟังดู80sมาก ...ปราณีต รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำของซาวน์เปี่ยมหูทั้งสองข้างตลอดการฟังเพลงนี้

track | emiliana torrini: "jungle drum" (jai paul remix) (2010)


Emiliana Torrini: "Jungle Drum" (Jai Paul Remix)
from Free Download (2010)

จำJai Paul ได้ไหม เคยพูดถึงไว้... กลับมาอีกครั้งกับงานRemixแสนจ๊าบ ...บอกตรงๆว่าเหมือนจะเคยฟังต้นฉบับนะ แต่ฟังแล้วก็เฉยๆ ก็ป็อปแสกนดิเนเวียนธรรมดาๆ -- มาโดนremixเข้า โดนเลย... Jungle Drumที่ฟังดูป่าดงดิบสะใจจริงๆ เสียงกลองถูกmixได้ฉลาดมาก เข้ากับไอ้ซินธ์แหลมๆที่ชวนเต้นเหลือเกิน ...อะตู้ดูดุงๆๆ

track | kanye west: "the joy" [ft. pete rock, jay-z, charlie wilson, curtis mayfield, kid cudi] (2010)


Kanye West: "The Joy"
[ft. Pete rock, Jay-z, Charlie Wilson, Curtis Mayfield, Kid Cudi]
from .... (2010)

ว้าว...รูปข้างบนนั่น ดูอลังการราวกับหนังepic ประเภทรวมดาวคับคั่งเหลือเกิน แค่นี้ก็ชวนฟังจนอดใจไม่ไหวแล้ว -- เมื่อฟังเข้าจริงก็ไม่ผิดหวัง ต้องบอกว่าแทร็คนี้...'เก๋าเหี้ยๆ' ฟังบีตแสนเจ็บ ดึ่มดั่มไปกับเสียงทุ้มลึกที่ย่ำอย่างหล่อ ...เบื้องบนเป็นการลั่นวาจาแร็ปสุดจ๊าบ "...but I still hear the ghosts of the kids I never had" ..."No Electro, no metro, a little retro, I perfecto " ซี๊ดดดด....

track | gypsy and the cat: "watching me watching you" (2010)


Gypsy and The Cat: "Watching Me Watching You"
from Gilgamesh (2010)

วงออสซี่ที่ฟังแล้วอดจะหย่อนชื่อCut Copyลงในการเขียนถึงไม่ได้ ...ประเทศนี้กลายเป็นจ้าวแห่งอินดี้แดนซ์ดิสโก้โอ้ลั้นล้าไปแล้วหรือเนี่ย -- Gypsy and The Catทำเพลงได้แสนเดิ้นพริ้วเหลือเกิน 80sจนฟังแล้วจั๊กกะจี้ แสงสีฉูดฉาดอย่างกับดูMtvยุคแรก โอ้วโลกแห่งเพลงป็อป ใครจะว่ามันป็อปปี้ก็ยังไงช่างเขา เราว่ามันช่างสวยงามนะเธอ



Gypsy and The Cat: "Time To Wander"
from Gilgamesh (2010)

แถมอีกเพลง ซึ่งเป็นเพลงที่ออกมาก่อนแล้ว มาพร้อมกับวีดีโอเก๋ๆนะเธอ

14 November 2010

track | anika: "i go to sleep" & "yang yang" (2010)


Anika: "I Go To Sleep" [The Kinks Cover]
from Anika (2010)

ฟังอัลบัมของAnikaแล้ว ชวนนึกถึงดนตรีใต้ดินหรือดนตรีทดลอง ยุค60s-70sจริงๆ ...ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะผมมารู้ทีหลังว่า เธอcoverงานของศิลปินยุคนั้นเป็นว่าเล่น -- ใครชอบงานของ Velvet Underground โดยเฉพาะแทร็คที่ร้องโดย Nicoละก็ ...Anika คือคำตอบ

I Go To Sleep เป็นแทร็คที่จ๊าบมากมาย ...แค่บีตก็ฆ่ากันตายแล้ว อะไรจะหนัก...จะกระแทกได้ดื้อขนาดนั้น ไม่ได้ประนีประนอมเล่นซัดเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ เรียบง่ายแต่...เจ็บจริง ปวดใจจริง...ปวดจนอื้ออึง หลับหลอนไปเลย



Anika: "Yang Yang" [Yoko Ono Cover]

from Anika (2010)

อีกเพลง ซึ่งจริงๆเป็นเพลงเดียงที่Anikaปล่อยออกมาตอนนี้ ลองฟังเบสดูซิ...เก๋และเก๋า จิ๊กโก๋เทคโนซะขนาดนั้น เหมือนเบสย่ำไปในพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยพื้นผิวแห่งเสียงสังเคราะห์ที่แสนแห้งแล้ง ...เก๋าจริง

track | larry gus: "hearing the words you said" (2010)


Larry Gus: "Hearing The Words You Said"
from Stitches (2010)

Larry Gusเป็นนักปรุงเสียงจากกรีซ... สร้างสรรค์เพลงนี้นามว่า "Hearing The Words You Said" ออกมาเป็นดนตรีที่เหมาะกับการเปิดในปาร์ตี้ สำหรับการกอดคอร้องร่วมกันเป็นหมู่คณะ ทั้งเพลงมีแต่การบิ้วสู่จุดสุดยอด กลองเอย บีตเอย เสียงโน้นนี่เอย...บิ้วกันเข้าไป พริ้วกันเข้าไป เอาให้สุด เอาให้สุด...มันส์ดี

track | slow talk: "fashion sense" (2010)


Slow Talk: "Fashion Sense"
from Treehouse Politcs EP (2010)

“I don’t want to be 30 cos that’s when I’ll die, cos all my friends get married, commit suicide. They’re having white wine parties across the street”-- แน่นอนมาก... ลองฟังกันดู อินดี้ป็อปธรรมดาๆเก๋ๆ มีเมโลดี้สนุกสนานติดหู มีเนื้อร้องที่มีธีมslackerๆของการไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ เข้ากับทำนองชิวๆของเพลงที่ไหลไปเรื่อย เสียงร้องแบบขี้เกียจๆเมาๆ เหมาะกับการฟังเวลาเบื่อโลกทำงานงั่งๆมาก สำหรับคนวัยไม่เยาว์แต่เสือกชอบฟังเพลงวัยรุ่นทั้งหลาย

02 November 2010

track | gruff rhys: "shark ridden waters" (2010)


Gruff Rhys: "Shark Ridden Waters"
from Shark Ridden Waters 12" (2010)

Gruff Rhys คือหนึ่งในศิลปินยุคbritpopที่ยืนหยัดอย่างสง่างามถึงทุกวันนี้ เขาคือสมาชิกหลักวงจากเวลส์นามSuper Furry Animals มีผลงานเดี่ยวและโปรเจคอื่นๆมากมาย ปีที่แล้วเขาร่วมงานกับ Danger Mouse and Sparklehorse ในเพลงJust War -- ปีนี้เขาก็ไปแจมกับอีกขาบริทป็อป Damon Albarnแห่ง Gorillaz(และ Blur) ในเพลง Superfast Jellyfish ...แน่จริงๆ

Shark Ridden Waters เป็นเพลงป็อปธรรมชาติๆ นึกถึงดนตรีปลาย60sถึง 70sในยุคไซคีเดลิก (ซึ่งเขาก็แซมป์เพลงยุคนั้นมาไว้ในเพลงนี้เต็มๆ) นึกถึงวงร็อคเต็มวง เล่นดนตรีทะเลๆ พริ้วๆ... ด้วยกลิ่นอายของดนตรีเต้นรำร่วมสมัยในลูปและบีตในบางจังหวะของมัน เป็นดนตรีป็อปคุณภาพเน้นๆที่ฟังแล้วหยุดไม่ลง [ดูวีดีโอสุดเก๋...ที่นี่]