เนื่องจากเริ่มไม่ค่อยมีเวลาอัพเดต2บล็อคพร้อมๆกันแล้ว
เลยตัดสินใจหยุดการอัพเดตบล็อคนี้
แล้วรวมไปกับเว็ป GISGISGISเลยดีกว่า...ดังนั้นจากเป็นต้นไป
ตามอ่านได้ที่เว็ป GISGISGIS ที่เดียวนะครับ

ขอบคุณครับ : )
http://gisgisgis.blogspot.com
http://www.facebook.com/GISGISGISblog


31 October 2010

track | sun airway: "oh, naoko" & "put the days away" (2010)


Sun Airway: "Put The Days Away"
from Nocturne of Exploded Crystal Chandelier (2010)

งานอิเล็คโทรป็อปเก๋ๆ เมโลดี้สวยๆจากศิลปินหน้าใหม่นามSun Airway ที่ปล่อยแทร็คหลายแทร็คออกมาพักใหญ่ตั้งแต่ต้นปีแล้ว -- Put The Days Away มาพร้อมกับวีดีโอเท่ห์ๆ เริ่มต้นด้วยความเรื่องเรียบๆ เข้ากับบีตแสนเรียบของเพลง ก็พาไปสู่โลกสีสันไฟนีออน เข้ากับดนตรีดิจิตอลของเพลงดี --- เป็นวงที่น่าจับตามอง

Sun Airway: "Oh, Naoko"
from Nocturne of Exploded Crystal Chandelier (2010)
เพลง Oh, Naoko เป็นหนึ่งเพลงที่ชอบมาก นึกถึง Passion Pitหน่อยๆ แต่เป็นแบบเรียบง่ายกว่่า ไม่ฉูดฉาดด้วยเสียงซินธ์หลากสี แต่เน้นออกแนวหวานๆสดใจ

27 October 2010

track | crystal castles "not in love - remix [ft. robert smith] (2010)


Crystal Castles "Not in Love Remix [ft. Robert Smith]"
from 'Not In Love' Single (2010)

Not In Love...คือแทร็คที่ผมฟังบ่อยเหี้ยๆในอัลบัมล่าสุดของวง ดิจิ-มินิมอล-ฟังค์-ish นาม Crystal Castles ด้วยความที่หลงรักโมเลดี้ไหลลื่นกำกวมเคลิ้มๆเมาๆ ที่ไหลทวนกระแสเสียงสังเคราะห์แสบๆ ...ปัญหาก็คือ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเจ๊แกร้องอะไร ซึ่งก็โอเค...เข้ากับสไตล์ของวงดี ไม่มีปัญหาอะไร -- จนกระทั้ง...เจอเวอรชั่นนี้เข้าไป!! Robert Smith แห่ง The Cure ตัดเสียงร้องกำกวมๆออกแล้วร้องใหม่ซะเอง ว้าว...ยุค80sเจอกับยุค00s ต่อหน้าต่อตาจนเกิดเป็นแทร็คที่มันฟังดูเหมือนแทร็คที่สูญหายของThe Cureในยุค80sที่ถูกremixโดย Crytral Castlesมากกว่า! -- น่าจะไปป้วนเปี้ยนอยู่ในลิสต์ "เพลงแห่งปี2010" ในปลายปีนี้ไม่ยากเลย

เออรู้ไรไหม... Crytral Castlesก็coverเขามาอีกที! ใช่แล้ว... Not In Loveต้นฉบับนั้นจริงๆเป็นของศิลปินนาม Platinum Blonde ที่ออกในปี1983 --- มันส์ไหมละ มันส์ใช่ไหมละ!

20 October 2010

track | harlem: "someday soon" (2010)


Harlem: "Someday Soon"
from Hippies (2010)

ประโยคแรกก็ชนะแล้วอ่ะเพลงนี้:: Someday soon you'll be on fire. And you'll ask me for a glass of water. And I say, Noooooooooooo oh wooh. You can just let that shit burn! And you'll say, Please, please, please put me out. I promise not to do it again whatever I did to you....

17 October 2010

track | panda bear: "you can count on me" (2010)


Panda Bear: "You Can Count On Me"
from Tomboy (2010)

สมาชิกของวงAnimal Collective ผู้ซึ่งอัลบัมเดี่ยวในปี2007ของเขาได้รับยกย่องล้นหลามจากนักวิจารณ์หลายสำนัก -- หลังจากกลับไปทำอัลบัมแห่งปี2009กับวงมาเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้เขาจะถอยงานเดี่ยวออกมาอีกครั้ง ...สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดๆชื่อ เขาเพิ่มกีต้าร์เข้ามา จากเดิมที่นั่นกดปุ่มตื่ดๆอย่างเดียว -- เริ่มมีเพลงหลุดออกมาบ้างละ แต่ที่เข้าหูผมที่สุดคือเพลงนี้ "You Can Count On Me" ที่ความเห็นนึงในyoutubeบอกว่าเหมือนเพลงการ์ตูนเรื่อง The Lion King(ฮา) ซึ่งก็จริง เป็นอารมณ์ป่าๆแอฟริกาๆ แต่ลอยๆชิวๆฟุ้งๆเมาๆเทคโนๆ...ดูเป็นดนตรีที่มีเอกลักษณ์Panda Bearชัดเจนมาก ฟังแล้วเคลิ้มเสพติดกันงอมแงมทีเดียว

16 October 2010

track | james blake: "limit to your love" (2010)


James Blake: "Limit To Your Love" (Feist Cover)
from Upcoming Album (2011)

เพิ่งออกEPไปไม่นาน ซึ่งเป็นEPที่โคตรจ๊าบซะด้วย -- Jame Blakeอีกชื่อที่ต้องจำไว้สำหรับคอเพลงเสียงสังเคราะห์ เพราะปีหน้าเขามาแน่ Limit To Your Loveเป็นเพลงที่มีเสียงร้อง น่าจะเป็นมิตรกับคนฟังเพลงpopหมู่มากได้มากขึ้น coverงานเก่าของเจ้าแม่เด็กแนว00sรุ่นที่1อย่างFeistซะเลย -- เนื้อดนตรีแสนบาง มีเปียโนกดหนักๆอย่างอ้อยอิ่ง ชวนเหงาโดดเดี่ยว ไปกับบีตบางๆและเสียงร้องครวญ ...มีสเน่ห์ลึกลับเหงาๆแบบเก๋ๆสุดๆ (วีดีโอก็เจ๋งนะลองดู)

14 October 2010

track | ceremony: "m.c.d.f." (2010)

http://26.media.tumblr.com/tumblr_la8vj5KIXw1qb118bo1_500.jpg
Ceremony: "M.C.D.F."
from Rohnert Park (2010)

นานได้ซัดดนตรีฟังค์ดิบๆ 70sๆสะใจๆอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน... โดนไปซะงานของCeremony วงนี้ใส่กันตูม กีต้าร์แตกพล่าน ปิ๊กทารุณเบสกีต้าร์ตูมๆ ฟาดกลองโครมๆ ร้องแหกปากลั่น... ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนดนตรีแนวนี้ก็ชอบได้ หาชอบลองหาอัลบัม Rohnert Parkมาฟัง แล้วปลดปล่อยอารมณ์ดิบกันเถิด

13 October 2010

track | the morning benders: "virgins" & "all day day light" (2010)


The Morning Benders: "Virgins"
from live at Blogotheque (2010)

อ่า...อัลบัม Big Echo ของ The Morning Benders เป็นวงที่ค่อยๆgrow on me ตลอดปี2010นี้จริงๆ ...เริ่มแรกฟังยังเฉยๆ (แต่ประทับใจวีดีโอ Excuses มาก) แต่เรื่อยเข้าเรื่อยเข้า มันค่อยเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆจนเป็นหนึ่งอัลบัมโปรดแห่งปีไปแล้วเนี่ย

Virginsเป็นเพลงใหม่ ไม่ได้อยู่ในอัลบัมนั้น แต่มันทำให้ผมตั้งตารออัลบัมต่อไปของพวกเขาทันที ...ว้าว ช่างเป็นเพลงที่หวานละมุนละไมเหลือเกิน บิ้วด้วยอารมณ์คอร์ดmaj7ตามสูตรดนตรีballadแบบที่พวกเขาถนัด แต่ทรงพลังเหลือเกินด้วยเสียงประสาน และการใส่อารมณ์หนักเบาที่ตีไปตีมาเหมือนคลื่นทะเล ...ว้าว ...ว้าว หมดคำพูดจริงๆ...


The Morning Benders: "All Day Day Light"
from Big Echo (2010)

แถมอีกเพลงจากอัลบัม Big Echo ที่เพิ่งมีmusic videoออกมา ...All Day Day Lightมีจังหวะที่เร็ว หนักด้วยการสับคอร์ดกีต้าร์เจ็บๆ ไม่หวานเท่าเพลงอื่นๆเขาพวกเขาที่เราคุ้น เป็น pop rock/guitar band ที่พดได้ว่าตามสูตร ...แต่เช่นเคย เมื่ออยู่ในมือพวกเขา มันเป็นมากกว่าเพลงธรรมดา ชวนนึกถึงดนตรีจัดจ้านๆของ The Beatles ยุค Revolver เลยทีเดียว ...ว้าว วงอะไรเนี่ย ทำไมมันเก่งกันอย่างนี้

track | andre 3000: "i do" (2010)

http://30.media.tumblr.com/tumblr_la8he0VTBG1qb118bo1_500.jpg
Andre 3000: "I Do"
from free download (2010)

Andre 3000คือในสองสมาชิกวงOutkast ที่ถือเป็นศิลปินhiphopหัวก้าวหน้าคนหนึ่ง เห็นได้จากอัลบัมสุดท้ายร่วมกับOutkastที่งานของเขามีความหลากหลายทางดนตรีและเนื้อหาล้ำหน้าไปเยอะทีเดียว -- Andre 3000 กลับมาในนามศิลปินเดี่ยวอีกครั้งหลังหายหน้าไปนาน ..."I Do" เป็นดนตรีที่แสนsmooth ใช้สำเนียงดนตรีโซล์วๆเท่ห์ๆ กับการแร๊ปกึ่งร้อง-หล่อๆเนิ่บๆ แทร็คยาวแค่2นาทีแต่ฟังแล้วมันช่างแน่นและอิ่มหูเหลือเกิน

track | domo genesis: "super market" [ft. ace creator] (2010)


Domo Genesis: "Super Market" [ft. Ace Creator]
from Rolling Papers (2010)

มาฟังเพลงHiphopแนวเห่าๆฮาๆเพลงนี้กันเถิด ไม่บ่อยนักที่ท่านจะได้ฟังสองแร็ปเปอร์พ่นน้ำลายใส่กันในsupermarketด้วยที่ว่า"ไอ้เชี่ยมึงแซงคิวกู" แล้วมาลองดูวาทะศิลป์ของพวกเขากัน เห่ากันด้วยภาษา Ninja, Samurai, และ Jedi ...นี่ขาโหดแนวเนิร์ดๆนี่หว่า -- ตลกมาก บีตก็เก๋าดี ฟังแล้วรู้สึกถึงความเพี้ยนหลุดโลก จ๊าบมาก (โหลดได้ที่นี่ หรือ โหลดทั้งอัลบัมได้ที่นี่)

08 October 2010

track | foster the people: "pumped up kicks" (2010)


Foster The People: "Pumped Up Kicks"
from free download (2010)

Pumped Up Kicks เป็นแทร็คที่ผมยังไม่แน่ใจตัวเองว่าชอบจริงรึเปล่า... ฟังได้ฟังบ่อย แต่มันเหมือนลูกอมหวานๆที่รสชาติชุ่มฉ่ำประเดี๋ยวประด๋าวไม่ช้าก็จาง ไม่มีอะไรซับซ้อน ...ซึ่งเปรียบได้กับไอ้เมโลดี้คิกขุๆของเพลงนี้ที่แสนติดหูและฟังสบาย ไร้พิษไร้ภัยเป็นบ้า NMEชอบวงนี้มาก(เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่แน่จะว่าควรจะชอบไหม เพราะNMEมันห่วย--ฮา) เอาน่า...อย่าไปคิดมาก ฟังไปขำๆ you better run... better run ลั้นล้าๆๆสนุกสนาน

track | how to dress well: "lover's start" (2010)


How to Dress Well: "Lover's Start"
from Love Remains (2010)

How to Dress Well เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีซาวน์ฟังดูแตกต่างจากวงที่ออกมาในปีนี้ ไม่อยากจะใช้คำว่าoriginalเพราะ ก็ฟังออกว่าได้แรงบันดาลใจจากศิลปินรุ่นเก่า แต่มันเป็นสูตรการขโมยสไตล์คนอื่นมาใช้ที่มีเอกลักษณ์และลงตัวดีสุดๆ -- ในเวลาเดียวกับมันมีอารมณ์อวิลหาดนตรีป็อปตลาดๆ แบบ80sๆ ต้นถึงกลาง90s ยุคสมัยMtv ดนตรีR&B...แต่ผสมผสามกับความเก๋ไก๋ของดนตรีอิเล็กทรอนิคแบบambientๆdubstepๆ(นึกถึงBurialชะมัด) ฟังแล้วสมองแล่น จินตนาการพุ่งพล่าน

ปล. เพื่อยืนยันความเป็นR&B มาดู/ฟัง เขาcover เพลงของ R.Kelly ที่นี่
ปล. เคยพูดถึงไว้ที่นี่

track | wild nothing: "golden haze" (2010)


Wild Nothing: "Golden Haze"
from Evertide EP (2010)

อยากประกาศดังๆว่าอัลบัม Gemini ของ Wild Nothing เป็นอัลบัมที่โคตรจ๊าบ! ติดอันดับต้นๆของปี 2010แน่นอน ...ยิ่งใครรักดนตรีอารมณ์80sอังกฤษๆแมนเชสเตอร์ๆที่มีกีต้าร์ไฟฟ้าเกลี่ยๆฟุ้งๆแต้มreverbนิดdelayหน่อย ต้องฟัง! (เคยแนะนำเพลง Chinatownไปแล้ว-- ว่าที่เพลงยอดเยี่ยมแห่งปี2010!)

Golden Haze เป็นเพลงจากEPที่ออกมากันแฟนๆลืมตามทำเนียมของวงอินดี้ที่ออกต้นปี ผลคือ...Golden Hazeอาจจะเป็นเพลงที่ดีที่สุด มากกว่าทุกเพลงในGeminiเลยก็ได้ ตกหลุมรักตั้งแต่การfade inใน intro ที่เบสนุ่มๆค่อยๆปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงกีต้าร์จากสวรรค์ หลังจากนั้นก็ติดกับเพลงนี้อย่างจังไปจนจบ ยอดเยี่ยมจริงๆ

04 October 2010

track | arcade fire: "we used to wait" (2010)


Arcade Fire: "We Used To Wait"
from The Suburbs (2010)

ใครที่ยังไม่ได้ลองเล่นไอ้ The Wilderness Downtown ก็ลองกดไปเล่นกันดู มันคือวีดีโอinteractive ให้ใส่ชื่อเมืองที่เราโตมา แล้วมันจะมาทำเป็นวีดีโอผสมผสานกับ google earth พยายามจะเล่นประเด็นเกี่ยวๆกับความถวิลหาวัยเยาว์ ซึ่งก็โคตรเหมาะที่มันใช้เพลง We Used To Wait ของ Arcade Fire ที่ชวนนึกถึงวลี "เฮ้อ...เด็กสมัยนี้" แต่ออกไปทาง "เฮ้อ...เราสมัยเป็นเด็ก" คนที่แก่พอจะมีวัยเด็กเป็นของตัวเองจะเข้าใจประโยคอย่าง Now our lives are changing fast/Hope that something pure can last" (แต่แก่เกินไปก็อาจจะไม่เข้าใจ555) โดยเฉพาะคนรุ่นที่เคย write letters/sign my name/wait for letters to arrive และเห็นโลกเปลี่ยนไปกับตา ...เพลงนี้โดน