เนื่องจากเริ่มไม่ค่อยมีเวลาอัพเดต2บล็อคพร้อมๆกันแล้ว
เลยตัดสินใจหยุดการอัพเดตบล็อคนี้
แล้วรวมไปกับเว็ป GISGISGISเลยดีกว่า...ดังนั้นจากเป็นต้นไป
ตามอ่านได้ที่เว็ป GISGISGIS ที่เดียวนะครับ

ขอบคุณครับ : )
http://gisgisgis.blogspot.com
http://www.facebook.com/GISGISGISblog


29 April 2010

track | robyn: "dancing on my own" (2010)


Robyn: "Dancing On My Own"
from Body Talk Pt.1.(2010)

การฟังเพลงนี้เหมือนการอมลูกกวาดหวานฉ่ำที่ใส่สีสังเคราะห์ซะแป๋นซาบซ่าสะใจ... ไม่ต้องมีพิธีอะไร ไม่ต้องปรุงสุก ไม่ต้องหวังอิ่ม -- ซึ่งนั่นก็อาจเป็นข้อเสียสำหรับคอเพลงเก๋าๆแมนๆทั้งหลายจะเปิดใจรับ ...แต่ผมพบว่าเพลงนี้ของRobynพ้นความเฉิ่มไร้คุณค่าทางสารอาหารไปไกลจนสามารถสัมผัสถึงการปลดปล่อยจากคาแรกเตอร์ที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ...แข็งแกร่ง แต่...ยอมที่จะเปิดเผยด้านอ่อนไหวออกมาอย่างตรงไปตรงมา ...ใช่แล้วมันเป็นเพลงเศร้า (ดูชื่อเพลงดิ...อกหักซะ) -- ธีมที่ครอบคลุมตั้งแต่การ์ตูนเจ้าหญิงๆของดีสนีย์ หนังวัยรุ่น80sของจอห์น ฮิวจ์ การ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานที่สาวๆชอบอ่าน หรือเทปรวมฮิตเพลงแด๊นซ์ที่ฟังยามราตรีที่เหงาหงอย ...คือความไร้เดียงสาบริสุทธิ์แบบโลกชวนฝันสีชมพูในวันฟ้าหม่น

27 April 2010

music video | the xx: "islands" (2010)


The xx: "Islands"
from xx (2009)
[dir. Saam]

กราฟความสำเร็จของThe xx ค่อยๆพุ่งขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...มาตั้งแต่ปีที่แล้วข้ามมายังปีนี้และมีทีท่าว่าจะไหลไปเรื่อยๆยาวๆ -- Music Videoตัวนี้ได้ผลักดันอีกส่วนประกอบที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้วงThe xx (นอกจากซาวน์แบบminamalเก๋ๆ) นั่นคือ ...'ภาพลักษณ์' ...ใช่แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกัับดนตรีแม้แต่น้อย แต่ความเป็นวง'ติสต์ๆ' 'นอกกรอบ' 'โดดเดี่ยว' 'ลึกลับ' 'ขบถ' 'ต่อต้าน' 'ไม่ยิ้ม' 'อมทุกข์' 'ขาว-ดำ' 'เก๋' 'แฟชั่น' ....และอื่นอีกมากมาย ได้ช่วยทำให้หลายคนอดไม่ได้ต้องหยิบมาฟังว่า มันมีดีอะไรนักหนา

Islands กำกับโดย Saam เก็บสเน่ห์เหล่านั้นได้ครบถ้วน ความ'ซ้ำไปซ้ำมา'นอกจากจะสะท้อนริฟกีต้าร์น้อยๆซ้ำๆของเพลง ยังทำให้วีดีโอมีองค์ประกอบ'ชวนให้คิด' และ'ยั่วให้ประติดประต่อ' ราวกับงานInstallation Art หรือ Art Videoเก๋ๆ ยั่วให้เราหาจุดที่แตกต่างในแต่งละshot ที่เหมือนจะมีนัยยะเกี่ยวกับ 'ความสัมพันธ์ของคู่รัก + ความจำเจ ~ที่แปรผันกับเวลา~ ...จบลงที่การสูญเสีย

26 April 2010

track | emay, karen, the kids: "worried shoes" (2010)


Emay, Karen, The Kids: "Worried Shoes"
from Emay, Karen and The Kids (2010)

Where the Wild Thing Are เป็นหนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปี2009สำหรับผม แต่กระนั้นผมก็รู้สึกเฉยๆกับดนตรีประกอบภาพยนตร์โดยKaren O ...มองว่ามัน'ธรรมดา' -- มาปีนี้เผอิญเจอ ข่าวว่าศิลปินนามEmayจะทำการรีมิกซ์งานเพลงจากซาวน์แทร็คนั้น ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ...จนได้มาฟังเพลงแรกที่ถูกปล่อยออกมา ...มันถูกดัดแปลงตัดต่อบิดพริ้วจนไม่เหลือโครงสร้างของดนตรีต้นฉบับ แต่กลับถ่ายทอดบรรยากาศล่องลอยชวนฝันไร้เดียงสา ออกมาได้อย่างดีเยี่่ยม จากเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ถูกเรียงร้อย เสียงร้องใสๆที่เอื้อนขาดๆฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงกลองแบบที่ชวนนึกถึงงานที่ป็อปๆของAphex Twins -- สรุปว่าประทับใจ และตั้งตารอฟังเพลงอื่นๆที่จะตามมา

track | fuck buttons: "olympians" (2009)


Fuck Buttons: "Olympians"
from Tarot Sport (2009)
[ also from Olympians 12"/download single (2010) ]

เวลามีโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเกิดขึ้น ท่านอยากได้เพลงอะไรบรรเลงประกอบ? ถ้าเบื่อซาวน์แทร็คจากRockyกันแล้ว มาลองให้โอกาสOlympiansดู เป็นสิบนาทีกว่าที่บิ้วกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ ลากยาวไปถึงออกนอกโลกไปดาวอังคาร ไม่มีหยุด! ซัดกลองรบกันตูม!ตูม!ตูม! เอ้าวิ่งเข้า!วิ่งเข้า! บินเหินหาวสู่เวหา! ....EPIC!

21 April 2010

track | voxtrot: "the start of something" (2005)


Voxtrot: "The Start of Something"
from Raised by Wolves EP (2005)

ข่าวการยุบวงของVoxtrotสร้างความสะเทือนใจให้ผมอย่างน่าแปลกใจ เพราะว่ากันจริงๆผมได้หยุดติดตามวงนี้ไปซักพักใหญ่แล้ว และทางวงเองก็ดูเหมือนเงียบๆไปนาน -- Voxtrotเป็นวงอินดี้ที่ผมค้นพบในยุคmyspace ที่ผมใช้เวลาส่วนมากท่องmyspaceฟังเพลงจากวงเล็กๆทั่วโลก และโหลดเพลงจากสิ่งที่เรียกว่า 'Soulseek' (ซึ่งนำมาซึ่งไวรัสมากมายสู่คอมพิวเตอร์) ดังนั้นคงไม่เวอร์เกินไปถ้าจะบอกว่า Voxtrotเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตวัยนักศึกษาของผม -- ไม่แปลกใจอะไรที่คนจะติดใจVoxtrotได้ง่าย เพราะเมโลดี้ป็อปร็อคที่ช่ำด้วยรสหวานขนาดนั้น แต่แทนที่จะยิ่งฟังรสหวานยิ่งจางแบบเพลงป็อปติดหูทั่วไป Voxtrotสามารถทำดนตรีของพวกเขามีระยะยืนยาว และยืนอย่างมั่นคงในใจผู้ฟังไปอย่างยาวนาน...หรือในกรณี 'The Start of Something' มันคงจะยืนในใจผมไปตลอดชีวิต

เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงไม่กี่เพลงในชีวิตผมสามารถฟังได้เรื่อยๆทุกเดือนหรือบ่อยกว่านั้น อิทธิพลของ The Smiths(อีกหนึ่งวงโปรดของผม)นั้นเกลื่อนไปทั่วบทเพลง ไม่ว่าจะซาวน์สับกีต้าร์ยิบย่อยที่หน้าที่พระรองที่แสนสงบเสงี่ยมได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงร้องละมุนๆอบอุ่นและเนื้อเพลงที่แสนงดงาม(แม้ผมจะไม่แน่ใจว่าวพวกเขาพูดถึงอะไร) ประโยคอย่าง"Is this the end or just the start of something really, really beautiful" ช่างเข้ากับสถานการณ์ของปัจจุบันยิ่งนัก

จากเว็ปไซต์ของวง... นักร้องได้แถลงร่ายจดหมายถึงแฟนถึงเหตุที่ยุบวง และประกาศออกทัวร์ครั้งสุดท้ายในนาม 'Goodbye, Cruel World' tour... น่าเศร้าเล็กๆที่ส่วนหนึ่งของเหตุที่ต้องยุบวงก็คือ ความไม่ทะลุเป้าของอัลบัมแรกและอัลบัมเดียวของวง (ซึ่งผมเห็นด้วยว่า เป็นอัลบัมที่น่าผิดหวัง) หลังจากพวกเขาสร้างความหวังและฐานแฟนเพลงจากEPชั้นเลิศหลายชุด (ซึ่งเป็นEPsที่ผมโคตรรักที่สุด ...หนึ่งในนั้นคือที่มีเพลงนี้บรรจุอยู่นี่แหละ) -- มันสะท้อนให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของโลกดนตรีอินดี้ และคำนิยามของการ'วิ่งตามฝัน' ที่หลายครั้ง แม้เราจะพยายามมากพอแล้วก็ตาม เราก็ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของใคร ...เส้นทางในโลกRock and Rollเต็มไปด้วยซากฝันที่แตกสลายมากมายเกลื่อนไปตลอดทาง จริงอยู่ที่เหล่าคนที่ถึงเส้นชัยเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจแก่เราและทำให้เราเชื่อในฝัน ...บางครั้งเราก็เรียกรู้ได้จากผู้คนที่ไปไม่ถึงเช่นกัน -- กระนั้น... Voxtrotไม่ใช่ความล้มเหลว พวกท่านได้สร้างดนตรีป็อปที่แสนสวยงามในโลกสีเทาใบนี้ จุดประกายเล็กๆให้มนุษย์มากมายที่ใช้ชีวิตร่วมในช่วงชีวิตสั้นๆร่วมกัน -- Thanks for your beautiful music. Wish you the best of luck.

ปล. ณ.สถิติวันนี้ The Start of Something เป็นเพลงอันดับ9 ที่ถูกเล่นบ่อยที่สุดในiPodของผมตลอดกาล

20 April 2010

track | kurt vile: "invisibility: nonexistent" (2010)


Kurt Vile: "Invisibility: Nonexistent"
from Square Shells EP (2010)

ต้องยอมรับว่าKurt Vileมีฝีมือกีต้าร์ที่เด็ดดวง เราจึงคาดหวังงานกีต้าร์แน่นๆในเพลงของเขาได้เสมอ หลายครั้งก็เป็นอารมณ์แบบที่เรียกว่า'กีต้าร์โปร่งตัวเดียว'เอาอยู่ -- กลับมาปีนี้เขากำลังจะถอยEPออกมาใหม่ โดยมี"invisibility: nonexistent"เป็นเพลงโปรโมตเพลงแรก -- อืม... สิ่งแรกที่ผมสัมผัสคือเจ้าคอร์ดกีต้าร์โปร่งเท่ห์ๆลึกลับๆมืดๆที่วางปูไปตลอดทั้งเพลง เข้ากับเสียงร้องบ่นรำพันที่เหมือนกับออกจากลำโพงอู้อี้นิดๆได้อย่างดี ฟังดูเป็นซาวน์ราวกับเดโมของPink Floyd ที่กำลังรอการเรียบเรียงเพิ่มนิดหน่อย ...เลยนั่งปรับโน้นนี่ หมุนเหล่าลูกบิดเล็กๆบนเครื่องเสียงสร้างสังเคราะห์ ออกมาเป็นเสียงเฟี้ยวฟ้าวอวกาศๆ สร้างอารมณ์เคลิ้มๆ'ไหลไปเรื่อยๆ' จิ้มโน้ตดนตรีและดันสายกีต้าร์ช้าๆไปตามธรรมชาติ เรื่อยๆ...ค่อยๆกลืนเราหายเข้าไปในความมืด...

18 April 2010

track | blur: "fool's day" (2010)


Blur: "Fool's Day"
from Fool's Day 7″ Single (2010)
[for Record Store Day]

แค่รู้ว่าจะได้ฟังเพลงใหม่ของBlur ก็ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขอย่างล้นพ้นแล้ว ก่อนที่จะคลิกฟัง(ในyoutube) ผมถามตัวเอง 'มันจะออกมาเป็นยังไง?' Blurทิ้งหายจากโลกดนตรีตั้งแต่ปี2003 ถ้านับจริงๆต้องถอยไปถึงปี 1999 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่สี่สมาชิกอยู่ครบ[ไม่นับเพลงนี้] ระหว่าง 2004-2010 เราพบทั้งงานของDamon Albarnอย่าง Gorillaz และโปรเจคอื่นอื่นอีกมากมาย งานเดี่ยวของGraham Coxon -- Blurจะ'สานต่อ'ประวัติศาสตร์ของวงBritpopที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยังไง?

ทันทีที่ได้เริ่มฟังFool's Day เสียงกีต้าร์แสบๆที่คุณเคย สำเนียงเมโลดี้สนุกๆ นี่ไม่ใช่จากสานต่อ Think Tank หรือ 13 แน่ๆ ...มันย้อนไปถึง Great Escapeในปี1995 ดนตรีอินดี้กีต้าร์ร็อคแบบบริทๆ เท่ห์ๆเก๋าๆ กับเนื้อร้องสไตล์'เล่าเรื่อง'ชีวิตประจำวันสะท้อนวีถีชีิวิตแบบอังกฤษๆ จะว่าหูหาเรื่องก็ได้... แต่ผมแอบได้ยินอารมณ์Gorillazนิดๆในนี้นิดๆด้วย ...และต้องไม่ลืมที่จะกล่าวถึง (กึ่ง)โซโล่กีต้าร์ของ Coxonในช่วงท้ายของเพลงด้วย เพราะมันช่างจ๊าบเหลือเกิน -- Fool's Dayคุ้มค่าสมการรอคอยจริงๆ [mp3>via]

15 April 2010

track | barbara: "pursuit of happiness (kid cudi cover)" (2010)


Barbara: "Pursuit of Happiness (Kid CuDi Cover)"
from free download (2010)

เคยฟังเพลงที่รู้สีกว่า ...เออ เมโลดี้ก็ดี เนื้อหาก็ใช้ได้ ทำนองก็เพราะดี แต่เหมือนศิลปินจะปรุงสนุกมือเกินไปจนแทนที่จะได้รสเข้มข้น กลายเป็นรสจัดเกิน ยัดอะไรจนแน่นไปหมดเละเทะ ...ผมรู้สึกอย่างนั้นกับ Pursuit of Happiness ของ Kid CuDi ที่ยัดเอาเครื่องสายหรูๆ กีต้าร์โซโล่เทพๆ แอฟเฟคเก๋าๆใส่เข้าไปจนล้น แถมเสียงร้องก็โคตรพยายามบิ้ว ผมฟังแล้วรู้สึกอึดอัดจนแทบฟังไม่ได้

Barbaraคือศิลปินอินดี้'electro-pop folk' นึกขำๆเอาเพลงนี้มาcoverฮาๆ(ทางวงบอกเอง) ผลคือ... ว้าว ที่แท้เมื่อเราปลดเปลื้องเครื่องประดับไร้สาระออกจนเปลือยเปล่า เนื้อแท้ของเพลงนี้เป็นส่วนผสมของโน้ตดนตรีและเนื้อร้องที่ลงตัวทีเดียว กีต้าร์โปร่งเบาๆซักตัว แถมด้วยแซมป์เสียงเล็กๆพอเป็นน้ำจิ้ม ...พอแล้ว -- เวลาร้องก็ไม่ต้องกระแดะเสียงมากว่า'กูเก๋า' ก็ร้องไปธรรมดาธรรมชาติ ...ในเมื่อเรากำลังจะพูดถึงคำว่า'Pursuit of Happiness'อันเป็นแก่นของการสร้างชาติอเมริกันที่(อ้างว่า/พยายามที่จะ)เปี่ยมด้วยเสรีภาพและโอกาส แค่นี้ก็ยิ่งใหญ่พอแล้วไม่ต้องมีไอ้ผมยาวผมสาดกีต้าร์ไฟแลบไร้สาระ จริงไหม?

14 April 2010

track | ariel pink's haunted graffiti: "round and round" (2010)


Ariel Pink's Haunted Graffiti: "Round and Round"
from Before Today (2010)

งดงาม...งดงาม... หนึ่งในแทร็คที่กระชุ่มกระชวยที่สุดแห่งปี สดชื่นราวกับวิ่งผ่านน้ำเย็นในอดีตซักยี่สิบปีที่แล้วสมัยผู้คนแต่งตัวเชยๆ มันพาเราย้อนกลับไปนั่งในรถยนต์รุ่นโบราณ หมุนคลื่นไปฟังสถานีโปรด แน่นอนมันขุ่นๆอู้อี้ๆตามเอกลักษณ์แห่งอนาล็อค ติดบ้างไม่ติดบ้าง ทุกระยะของเพลงมีคลื่นแทรกจากความถี่อื่น เอ๊ะนั่นเสียงใครพูดอะไรไม่รู้จากคลื่นอื่นแทรกเข้ามาพอเป็นสเน่ห์ -- เปิดกระจกให้ลมตีหน้า ใส่แว่นกันแดดเก๋ๆอวดหล่อไปตามท้องถนน โยกหัวหงึดๆตามจังหวะเบสแสบๆ -- ทันทีที่ท่อนฮุคเข้ามา "Hold on....I'm calling..." ทุกคนโดดลงไปเต้นราวพร้อมกับภาพยนตร์เพลง หันขยับแว่นนิดๆให้กล้องเพื่อความเท่ห์ ....วิ้ง

track | harlem: "be your baby" (2010)


Harlem: "Be Your Baby"
from Hippies (2010)

ยังจำต้นยุค00sได้ไหม คนแก่ทั้งหลาย? ต้นยุค10s มันกลับมาอีกครั้งด้วยความดิบกว่าเดิม หนึ่งในนั้นคือ วงHarlem สุดแสนโก๋หลังวังวงนี้ -- 'Be Your Baby'เป็นแทร็คที่อาจจะธรรมดาให้สายตาคอเพลงที่โหยหาอะไรซับซ้อนและoriginal แต่ใครห้ามเพลงตีคอร์ดธรรมดาๆคอร์ดสูตรๆเป็นเพลงที่ดีละ? โสตรสของการฟังเสียง กลองที่ชัดๆก้องในห้องตุบตับตุบตับ สายกีต้าร์สะบัดเข้าสู่แอมป์ออกสู่หูแบบตรงๆ ...ทางดนตรีซื่อๆแบบที่มีมาตั้งแต่Buddy HollyถึงThe StoogesถึงNirvana... --- อย่าไปคิดมาก!! Rock and Roll!!

*mp3 removed due to label complaint*

13 April 2010

track | strong arm steady: "best of time (ft. phonte)" (2010)


Strong Arm Steady: "Best Of Time (Feat. Phonte)"
from In Search of Stoney Jackson (2010)

เพลงเปิดอัลบัมของศิลปินHip Hopจากฝั่งตะวันตกของอเมริกา ฝีมือการโปรดิวซ์ของ Madlib หนึ่งในDJ/Producerขั้นเทพของวงการ (ไม่เชื่อ?-- ลองฟังงานของ Madvillain ดูซิ) ต้องคารวะหูระดับเซียนของเขาจริงๆที่สร้างสรรค์เสียงจากวัตถุดิบในงานดนตรีกลิ่นโซลๆ...ในอดีต ทำให้ลูปซ้ำไปซำ้มาให้กลายเป็นดั่งกระแสสำนึกถวิลหาแห่งความทรงจำถึง'วันที่สวยงามที่เลยผ่านไปแล้ว' เข้ากับธีมของ 'Best of Time' ในเพลงนี้ ที่แม้จะต้องกัดทนสู้กันต่อไปในช่วง'financial crisis, shit!' แต่ก็สัมผัสได้ถึงความหวัง กำลังใจ และและสู้กับความเป็นจริงที่ไม่ได้สวยหรูดั่งฝัน --- "Silly of me to think that I could untie that ribbon in the sky"

12 April 2010

track | the tallest man on earth: "a lion's heart" (2010)

http://userserve-ak.last.fm/serve/500/26316885/The+Tallest+Man+on+Earth+TTMOE.jpg
The Tallest Man on Earth: "A Lion's Heart"
from The Wild Hunt (2010)

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่รุนแรงในประเทศไทย Bob Dylanอยู่ๆก็กลายเป็นศิลปินโปรดของทุกคนซะงั้น และพวกเขาก็ไม่รีรอที่จะประกาศออกมาดังๆด้วยการโพสเพลงของเขาลงfacebook หรือ'กดLike'เพื่อแสดงอุดมการณ์ (ฮา) -- ผมจะแนะนำแฟนDylanตัวจริงให้พวกท่านตัวปลอมทั้งหลายได้รู้ เขาคือ'บุรุษที่สูงที่สุดในโลก'จากสวีเดนผู้มีเสียงร้องและสไตล์กีต้าร์โปร่งที่แทบจะถอดแบบมาจากพี่บ็อบ ลองโหลด'Burden of Tomorrow' และ 'King of Spain' สองเพลงจากอัลบัมล่าสุดที่เขาปล่อยออกมาให้โหลดฟรีเร็วนี้ไปฟังดูแล้วจะเข้าใจ แต่หลังจากฟังทั้งอัลบัม(โหลดอย่างผิดกฏหมาย) ผมไม่สามารถสลัดรองสุดท้ายของอัลบัมที่ชื่อ A Lion's Heart ออกจากโสตประสาทได้จริงๆ

A Lion's Heart มีคาแรกเตอร์ของเพลงที่--แม้จะเรียบขนาดไหน--ยังสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ ยากที่จะอธิบาย ภาษาที่แสนสละสลวยเล่าเรื่องการคงอยู่วงเวียนสิงสถิตของชายในตำนานที่จากไป (ผมไม่รู้จริงๆว่าเขาพูดถึงใคร หรือ อะไร) แต่วิธีการเรียงร้องคำของเขาช่างสมบูรณ์แบบจนเรารู้ถึงได้ถึงความหนาวเหน็บโดดเดี่ยวของวิญญาณที่ล่องลอย ในบรรยากาศตะวันตกโฟล์คอเมริกันยุคแรกๆ(aka. เพลงเพื่อชีวิต?) ผมคิดว่าเพลงนี้จะวนในplaylistปี2010ผมไปอย่างยาวนานแน่แท้

track | avi buffalo: "remember last time" (2010)


Avi Buffalo: "Remember Last Time"
from Avi Buffalo (2010)

คารวะ คารวะ... เอียนกับวงคอมพิวเตอร์ทั้งหลายกันยัง มาฟังวง(ป็อป)ร็อคแน่นๆกันบ้างเนอะ Avi Buffaloนำสเน่ห์การเล่นสดแบบดนตรีร็อคอเมริกันรุ่นคุณพ่อกลับมา(นึกถึง Grateful Deadใช่เล่น) เห็นได้จากการแจมยาวๆ โซโล่กีต้าร์นานๆ โดยเฉพาะนายAvi นักร้องนำและมือกีต้าร์ มีลูกกีต้าร์ที่แพรวพราวและออกแบบจัดวางได้เก๋ไก๋ น่าประทับนัก -- พร้อมๆกันนั้น ความหนุ่มความสดในวีธีร้องแบบอินดี้ๆและการเรียบเรียงของพวกเขา(เปียโนเอย...ร้องประสานเอย...) มันก็ยังเป็นวงอินดี้ร่วมสมัย มองแบบแถๆไปทางpopนุ่มๆชิวๆหวานยังได้เลย -- Remember Last Time จึงเป็นแทร็กที่สวยงามและชวนผจญภัย ท้าทายน่าค้นหา ที่เพลิดเพลินยิ่งนัก ตอนนี้ก็ได้เวลาฟังเพลงที่เหลือในอัลบัมเดบิวของพวกเขาแล้วละ

track | wolf gang: "back to back" + (active child remix) (2010)

http://userserve-ak.last.fm/serve/500/30893725/Wolf+Gang+l_fb46429f37324e5d97fb7b20a8b5.gif
Wolf Gang: "Back to Back"
Wolf Gang: "Back to Back (Active Child Remix)"
from Free Download (2010)

สองเวอร์ชั่นของ Wolf Gangนี้ช่างรื่นรมณ์เข้ากันดีเหลือเกิน ต้นฉบับของศิลปินอินดี้ร็อคผู้นี้ ถือเป็นงานอินดี้ร็อคแบบบริทๆคุณภาพที่มีสเน่ห์แบบ90sๆนิดๆ โครงสร้างของเพลงค่อนข้างจะminimilistทีเดียว พิจารณาจากคอร์ดกีต้าร์เปลือยๆ เบสแข็งๆซ้ำๆชัดถ้อยชัดคำ เสียงร้องแบบสุดใจ รวมๆแล้วฟังดูสดดี ดูไร้การปรุงแต่งดี อินดี้ร็อคกันถึงใจดี ที่สำคัญเปี่ยมจิตวิญญาณเต็มที่ แน่นปึก --- ส่วนรีมิกซ์โดย Active Childก็จัดการทำมันเป็นซินธ์ป็อปอย่างเต็มตัว ซึ่งลูกหรูหราฟู่ฟ่าของเสียงสังเคราะห์ที่ใส่มา ...ก็เข้ากันดีแหะ เก๋ไปอีกแบบ ชอบๆ


11 April 2010

track | twin sister: "lady daydream" (2010)

http://c4.ac-images.myspacecdn.com/images02/50/l_42b3808bb445459181894d0e28231a17.jpg
Twin Sister: "Lady Daydream"
from Color Your Life EP (2010)

ถ้าโหยหายอะไรเพราะๆเพลินๆสบายๆ ลองซัดTwin Sisterดู... หลังจากได้ลองฟังเพลงแรก'All Around and Away We Go'ที่พวกเขาปล่อยมาหลายสัปดาห์ก่อนไป(หนึ่งในเพลงที่ห้ามพลาดเช่นกัน) เพลงต่อมาที่หลุดออกมาคือ'Lady Daydream' ที่ฟังง่ายและสบายเกินคาดนัด เป็นเพลงอินดี้ป็อปtweeๆแอบซินธ์นิดๆแบบที่เราๆคุ้นเคย นึกภาพบรรยากาศแบบโรแมนติก หวานฉ่ำๆ แสงสีกระพริบวิ้งๆ สาวชุดราตรีเต้นรำในงานพรอมใต้ดนตรีที่มีสเน่ห์งานอินดี้ร็อคปลาย80sต้น90sสไตล์กีต้าร์ปิ๊กกิ้งไหลตามคอร์ดเรื่อยๆ พร้อมเสียงร้องแบบ'รำพันใส่ไมโครโฟนในพื้นที่ส่วนตัวของฉัน' ป้ายสีน้ำหลากสีฉ่ำๆด้วยแอฟเฟ็กซู่ซ่า... มองโลกได้อย่างสดใสดีแท้ "Even though I'm losing...Doesn't make me a loser....Yet" -- อมยิ้ม... [โหลดEPฟรีที่นี่]

track | gayngs: "faded high" (2010)

http://userserve-ak.last.fm/serve/500/42923931/GAYNGS+comwork30.jpg
Gayngs: "Faded High"
from Relayted (2010)

ดูแค่รูปข้างบนก็เห็นถึงมหกรรมการลงแขกทางดนตรีแล้ว Gayngsเป็นรวมนักดนตรีชื่อคุ้นในแวดวงอินดี้กว่ายี่สิบชีวิต เพื่อสร้างสรรค์ดนตรี'เมาๆ'แบบ'เนิ่บๆ' -- Faded Highเป็นส่วนผสมของดนตรีไซคีเดลิคยุค60s ที่มีดนตรีเคลิ้มๆไหลๆกีต้าร์แหลมๆกัดๆ (แถมแอบใช้ลูกเล่นการreverseเสียงกันสนุกมือ)กับดนตรีเทคโนที่ใช้ภาษาของลูปซ้ำไปซ้ำมา ชวนโยกแบบเคลิ้มๆเบาๆ ไหนจะเสียงร้องหลายหลากเลเยอร์ทั้งชายหญิงจากที่สลับเข้ามา ขัดกันบ้าง-เข้ากับบ้าง เป็นภาษาบ้าง-โหยหวยบ้าง สร้างบรรยากาศเมาๆใต้ควันยาฟุ้งกระจายสะใจ

10 April 2010

track | dom: "living in america" & "burn bridges" (2010)

http://c1.ac-images.myspacecdn.com/images02/65/l_242bb54baec24ba1aa47f06d4a302190.jpg
DOM: "Living in America"
DOM: "Burn Bridges"
from Sun Bronzed Greek Gods EP (2010)

โอเคๆ...รู้ว่าดนตรีซินธ์80sช่วงหลังๆหลายวงทำออกมาติดๆกันจนเป็นกระแสชวนยี้ ตอนแรกที่ได้ยินริฟอินโทรในเพลง Living in America ผมก็รู้สึกว่า'เอาอีกแล้วเหรอ?' จะทำตัวเป็นซาวน์แทร็กหนังทีนยุค80sอีกแล้วเหรอ? แต่ฟังๆไปก็เริ่มติดหูแหะ เมโลดีชวนฝันๆของพวกเขาชวนนึกถึงงานชุดล่าสุดของM83ผสมกับ...ผสมกับเxี้ยไรดี...ผสมกับอะไรsurfๆ noiseๆ popๆประมาณนั้น...ใช้ได้เลยทีเดียว เผลอแป้ปเดียวจับใส่ipodฟังซ้ำๆเพลินๆได้สบาย (เล่นสดก็น่าสนใจดี)


09 April 2010

track | javelin: "oh! centra" (2010)

http://userserve-ak.last.fm/serve/500/39576161/Javelin++at+Death+by+Audio.jpg
Javelin: "Oh! Centra"
from No Mas (2010)

ในโลกดิจิตอล... ดูเหมือนขอบเขตของซาวน์จะไปไกลเหลือเกิน ไฟล์mp3ที่ร่อนเกลื่อนอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดกระแสแห่ง'เวอร์ชั่นremix'ออกมาเกลื่อนโลกอินเตอร์เน็ต ...นั่นทำให้เพลงคู่หูนามJavelinเรียกความสนใจจากผมได้ ...พวกเขามองหาซาวน์โดยมองย้อนกลับไปสู่สิ่งที่คนรุ่น'เราๆ'คุ้นเคย -- 'Oh! Centra'เป็นการผสมผสามความถวิลหาของคนรุ่น'เล่นเกมส์เครื่องfamicom' ที่อัลบัมแรกในชีวิตคือ'การฟังจากเทป' ...ว่ากันตรงๆวัตถุดิบของซาวน์ของพวกเขาก็มาจากเทปและผ่านเครื่องเสียงแบบอนาล็อคๆตรงๆ

เสียงร้องที่เหมือนเสียงเด็ก สร้างอารมณ์แบบเนิร์ดๆกระโตกๆของเพลงที่(เหมือนจะ)เป็นเพลงแร็ปตุ่นๆเพลงนี้ (ซึ่ง...ความจริงก็คือ... เด็กชอบเพลงนี้นะ!) --- สรุปก็คือ 'Oh! Centra'น่าจะสร้างรอยยิ้มเล็กๆขณะฟังในพวกท่านได้ สำหรับคนเนิร์ดทั้งหลายการกลับไปสัมผัสซาวน์ที่เราคุ้นเคย น่าจะจิ๊ดไม่ใช่น้อย

07 April 2010

track | aloe blacc: "i need a dollar" (2010)

http://29.media.tumblr.com/tumblr_l0i2qpiBcJ1qb118bo1_500.png
Aloe Blacc: "I Need a Dollar"
from Good Things (2010)
mostly known from 'How to Make It in America'

Opening songสำหรับซีรีย์โทรทัศน์ของช่องHBOเรื่องใหม่นามว่า'How to Make It in America' ธีมเกี่ยวกับ...'American Dream' แน่นอนว่าคำนี้ถูกใช่บ่อยๆจนเอือม แต่ต้องยอมรับว่านี่เป็นช่วงเวลาที่คำว่าAmerican Dreamกลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง ไอเดียที่ว่า'ทุกคนสามารถเป็นอะไรที่อยากเป็นได้ถ้าพยายามมากพอ' เริ่มมองเห็นแสงสว่างในยุคที่คนผิวไม่ขาวสามารถเป็นผู้นำประเทศได้

บวกกับภาวะทางเศรษฐกิจอันทุละทุเล ทำให้หลายคนที่กำลังประสบอารมณ์์ด้นรนแบบ'I need a dollar...dollar ...a dollar is what I need' อินได้ ...เพลงสำเนียงแบบอารมณ์เก่าๆราวกับแผ่นเสียงยุค70sที่สูญหายเพลงนี้จึงสามารถเป็นซาวน์แทร็กของโมเม็นต์นี้ได้ขณะนึงทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใด มันช่างเป็นเพลงที่สนุกและเท่ห์จริงๆ (ดาวน์โหลดmixtapeจากซีรีย์นั้น(ซึ่งรวมเพลงนี้ด้วย) ได้ที่นี่)

06 April 2010

list | favorite music videos: 1st quarter of 2010

http://i951.photobucket.com/albums/ad358/gisgisgistheblog/Picture17.png?t=1270511056

สามเดือนแรกของปีแรกของศตวรรษใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว เริ่มรู้สึกว่าต้องมาอัพเดตกันหน่อย เพราะปกติต้องรอปลายปีเพื่ออัพโหลดลิสต์'แห่งปี'ทั้งหลาย ซึ่งหลายครั้งมันก็ดูจะสายไปหน่อย พลาดอะไรไปตั้งเยอะ...หมดปีซะแล้ว ...เริ่มด้วยmusic video ที่ชอบเลยละกัน ...ต้องบอกก่อนว่า ไม่มี Lady Gaga , Ok Go, หรือ Vampire Weekend ในลิสต์นี้listนะจ๊ะ...
---------
Air: "So Light is Her Footfall"
งานถ่ายเทคเดียว(?)เท่ห์ๆพาเราล่องลอยไปในโลกขาวดำนัวร์ๆ เก๋ๆในบรรยากาศjazzyๆ หลอนๆ
[dir. Edouard Salier]

Babe Rainbow: "Shaved"
เหมือนดูหนังสั้นแนวเดินป่าท้าความสยอง ...มันเซอร์ๆเซอร์เรียลๆนิ่งๆเคล้าซาวน์ambientกดดันๆ
[created by SALAZAR]

Corinne Bailey Rae: "I’d Do It All Again"
สะท้อนความโดดเดี่ยวอย่างมีคลาสผ่าน ความจำเจของชีวิตโมเดิร์นยาม'ไม่มีเธอ'ได้อย่างสะเทือนใจ
[dir. Jamie Thraves]

Efterklang: "Modern Drift"
ซีรีย์ของซีนนิ่งๆของธรรมชาติและชีวิต ...ช่างบริสุทธิ์ งดงาม เหลือเกิน
[made by Kristian Leth]

The Embassy: "C’est La Vie, C’est Embassy"
ฟุตเตตนิ่งๆบนขาตั้งกล้องง่ายๆแต่แสดงถึงความโดดเดี่ยวแปลกแยกหวาดระแวงได้อย่างประหลาด
[dir. Malcolm Noble]

Erykah Badu: "Window Seat"
ต้องพูดอะไรอีกไหม? เกิดอะไรขึ้นที่Dealey Plaza ในปี1963?
[dir. Chike and Coodie]

Fol Chen: "The Longer U Wait"
ไอเดีย'คิดนอกกรอบ'เท่ห์ๆ ...มิวสิควีดีโอที่เรา(แทบ)ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเพลง
[dir. Chris Wilcha]

Grum: "I Can’t Shake This Feeling"
หรือนี่คือการเสียดสีวัฒนธรรมบริโภค นิยม/ทางเพศ/โทรทัศน์/วัยรุ่น/อเมริกัน? ...แสบมาก
[dir. The General Assembly]

Hot Chip: "I Feel Better"
เรียกว่า'วีดีโอเสียดสีบอยแบนด์;ก็คงไม่ถูกซะทีเดียว เพราะมันไปไกลหลุดโลกกว่านั้นหลายเท่า
[dir. Peter Serafinowicz]

iamamiwhoami: "B"
หลอกหลอน ขนลุก สัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความวิปริต ทรมานลึกๆที่ซ่อนอยู่...
[dir. unknown]

Miami Horror: "Sometimes"
ตัวละครหนุ่มสาว...สถานที่ชายหาด... ในเนื้อเรื่องที่กำกวน จบแบบ'เหมือนจะมีต่อ' เก๋ๆ...
[dir. Moop Jaw]

RJD2: "The Glow"
รถบังคับ หุ่นของเล่น ตุ๊กตาบาร์บี้ ในสต็อปโมชั่นแบบไม่ค่อยสต็อปเท่าไร
[dir. Brad Hasse]

She and Him: "In The Sun"
Zooey...อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแต่แอ๊บแบ้ว ได้น่ารักทุกกระบวนท่าจริงๆ(ร่วมด้วย'บุรุษBB'สุด เก๋าอีก)
[dir. Peyton Reed]

Small Black: "Despicable Dogs"
อ่า...ถวิลหา อดีตอันรุ่งเรื่องแห่งยุค80s วันเยาว์... การโต้คลื่น... ความฝันที่จางหาย...
[dir. Yoonha Park]

This Is Head: "0007"
วีดีโอเก๋ๆเพื่อผู้เสพติดดนตรีทั้งหลาย
[dir. Nicholas Wakeham]

Toro Y Moi: "Talamak"
งานภาพเซอร์ๆฟุ้งๆและฝีมือตัดต่อเก๋ๆ ออกมาเป็นงาน'ถวิลหาความสนุกแบบเด็กๆ'สไตล์เด็กแนว
[dir. Jon Casey]

YACHT: "The Afterlife"
ฉากสุดท้ายฉากเดียวคุ้มค่าการนั่งทนดูความ พิลึกของศาสนา เป็นความบ้าเงียบๆ
[dir. Judah Switzer]