เนื่องจากเริ่มไม่ค่อยมีเวลาอัพเดต2บล็อคพร้อมๆกันแล้ว
เลยตัดสินใจหยุดการอัพเดตบล็อคนี้
แล้วรวมไปกับเว็ป GISGISGISเลยดีกว่า...ดังนั้นจากเป็นต้นไป
ตามอ่านได้ที่เว็ป GISGISGIS ที่เดียวนะครับ
ขอบคุณครับ : )
http://gisgisgis.blogspot.com
http://www.facebook.com/GISGISGISblog
เลยตัดสินใจหยุดการอัพเดตบล็อคนี้
แล้วรวมไปกับเว็ป GISGISGISเลยดีกว่า...ดังนั้นจากเป็นต้นไป
ตามอ่านได้ที่เว็ป GISGISGIS ที่เดียวนะครับ
ขอบคุณครับ : )
http://gisgisgis.blogspot.com
http://www.facebook.com/GISGISGISblog
27 September 2010
track | owen pallett: "don't stop" (2010)
Owen Pallett: "Don't Stop"
from A Swedish Love Story EP (2010)
หลังจากอัลบัมHeartlandของศิลปินป็อป-ไวโอลิน-ซินธ์-ร้อง นาม Owen Pallett (ชื่อในวงการเดิมคือ Final Fantasy) ประสบความสำเร็จด้านคำวิจารณ์หลายสำนักในช่วงต้นปี มาถึงปลายปี เพื่อไม่ให้คนลืมชื่อความยอดเยี่ยมของอัลบัมนั้น เขาปล่อยEPสี่เพลงนาม A Swedish Love Story ออกมาแก้คิดถึง
เลือกเพลง Don't Stop ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบัมมาแปะไว้ที่นี้ เป็นเพลงจังหวะกลางๆช้าๆ ที่มีเบสและลูปย่ำไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นแต่นุ่มนวล และแน่นอนเสียงไวโอลินพระเอกเจ้าเก่าของเรา ที่ถูกสี กระฉาก ดึง ทำหน้าที่เป็นออสเคสตร้าให้กับดนตรีทำมือเล็กชิ้นนี้ดูยิ่งใหญ่เช่นเคย
Owen Pallett: "Lewis Takes Action"
Owen Pallett: "Lewis Takes Off His Shirt"
from Heartland (2010)
ไหนๆก็ไหนๆ เอาเพลงโปรดจากอัลบัม Heartlandมาแปะไว้หน่อยละกัน... เป็นสองเพลงที่เกียวกับนาย Lewis ซึ่งไปใครก็ไม่รู้ แต่อยากให้ลองฟัง ถ้าโดน...ก็ไปหาอัลบัมเต็มมาฟังได้เลย
22 September 2010
track | sweet bulbs: "springstrung" (2010)
Sweet Bulbs: "Springstrung"
Sweet Bulbs: "Kissing Clouds"
from download (2010)
กำลังชอบวงนี้อยู่... ยังไม่ค่อยดังเท่าไรแต่มีแนวโน้มว่าจะดัง -- Sweet Bulbs มีความเป็นวงกีต้าร์noiseที่ใช้เสียงแตกพล่านของกีต้าร์นำ โดยมีจังหวะและเมโลดี้ที่สนุกคึกคัก ผสมผสานเอาความหยาบกร้านสร้างความหวานหอม (ซึ่งเป็นอะไรที่My Bloody Valentineใช้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใด้ใหม่อะไร) ฟังดูเหมาะกับเป็นเพลงในงานปาร์ตี้หนุ่มสาวคอนเสิร์ตใต้ดินหลังวันปิดเทอมของนักศึกษาเก๋ๆ ...ว่ากันไป
Sweet Bulbs: "Kissing Clouds"
from download (2010)
กำลังชอบวงนี้อยู่... ยังไม่ค่อยดังเท่าไรแต่มีแนวโน้มว่าจะดัง -- Sweet Bulbs มีความเป็นวงกีต้าร์noiseที่ใช้เสียงแตกพล่านของกีต้าร์นำ โดยมีจังหวะและเมโลดี้ที่สนุกคึกคัก ผสมผสานเอาความหยาบกร้านสร้างความหวานหอม (ซึ่งเป็นอะไรที่My Bloody Valentineใช้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใด้ใหม่อะไร) ฟังดูเหมาะกับเป็นเพลงในงานปาร์ตี้หนุ่มสาวคอนเสิร์ตใต้ดินหลังวันปิดเทอมของนักศึกษาเก๋ๆ ...ว่ากันไป
track | björk: "the comet song" (2010)
Björk: "The Comet Song"
from Moomins and the Comet Chase OST (2010)
ลองจินตนาการดู: Bjorkทำเพลงประกอบการ์ตูน...แค่นี้ก็พลาดไม่ได้แล้ว น่าสนใจว่าเสียงที่แสนจะchildishของเธอจะทำให้เพลงออกมาเพี้ยนๆ หรือ หลุดโลกแค่ไหนยังไง เท่าที่ดูจากคลิปข้างบนก็ต้องบอกว่า...หลอนแปลกๆปนน่ากลัวนิดๆดี(อาจจะไม่เหมาะกับเด็ก) ฟังๆไปก็ชอบมากทีเดียว...ประดุจดั่งดูหนังการ์ตูนมาเกินไปจนหลอนแล้วเก็บไปฝันร้ายจนออกมาเป็นเพลงนี้
20 September 2010
track | the national: "afraid of everyone" + "runaway"+ "lemonworld" (2010)
ผมสอยอัลบัม High Violetของ The Nationalมาฟังอย่างผิดกฏหมายได้ช่วงหนึ่งแล้ว สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับวงนี้ ...ก็ควรไปทำตัวให้คุ้นได้แล้ว The Nationalเป็นวงร็อคที่แสนจะ...ธรรมดา ผิดจากอุดมคติของนักดนตรีร็อคโดยสิ้นเชิง ดนตรีของพวกเขาห่างไกลจากคำว่า'ปฏิวัติวงการ' หรือ 'แหกคอก' ว่ากันตรงๆมันคือเพลงป็อป C-Am-F-G ธรรมดาไม่ต่างจากดนตรีจากค่ายแกรมมี่ -- สมาชิกวงล้วนเป็นชายวัย30up ที่มีครอบครัวกันเกือบหมด หลายคนยังเคยทำงานออฟฟิตพร้อมกับเล่นดนตรีไปด้วย -- พวกเขาสุภาพ แต่งตัวเรียบร้อย ไม่มีอะไรทำลายล้าง ไม่มีทางที่เราจะสกีนรูปวงมาแปะในเสื้อยืดให้เท่ห์ได้
สำหรับเนื้อ เพลงของพวกเขา ...งดงาม -- ล้วนเป็นเนื้อหาเรียบๆ เล่าด้วยภาษาง่ายๆ แต่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเหนือชั้น มันทำให้เราเข้าใจ...แต่ไม่ทั้งหมด ทิ้งอะไรให้คิด แล้วปลดปล่อยอารมณ์ให้ซาบซึ้ง -- ในบทสัมภาษณ์ของพวกเขา นักร้องนำผู้เป็นคนเขียนเนื้อได้บอกว่า เขาตั้งใจทำเนื้อเพลงให้กำกวมนิดๆ เพื่อให้ผู้ฟังใส่ประสบการณ์ส่วนตัวลงไปเติมเต็ม ...บอกตรงๆว่าเลือกเพลงที่จะพูดถึงยากมาก แต่เอาว่าตัดสินใจคัดมา3เพลงให้คนที่อยากเริ่มต้นฟังอัลบัมใหม่ของพวกเขาแต่เริ่มไม่ถูก จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น
The National: "Afraid of Everyone"
from High Violet (2010)
เป็นที่รู้กันว่าอัลบัมที่แล้วของพวกเขา Boxerในปี2007 สะท้อนภาวะโลกในยุคที่สหรัฐเข้าสู่สงครามอย่างเต็มตัว ผ่านมุมมองของแบบสุขุมของคนชนชั้นกลางวัยทำงานอย่างพวกเขา ...อย่างเพลง Fake Empireที่ตั้งคำถามแกมเย้ยหยันภาวะความเป็นผู้นำโลกจอมปลอมของสหรัฐ ...หรือเพลงที่ชื่อโต้งๆอย่าง Start A Warที่คงไม่ต้องอธิบายอะไร
มาชุดนี้ ธีมเหล่านั้นยังคงปกคลุมอยู่ แต่ในแง่มุมที่แตกต่างไป แน่นอนว่ายังเป็นการมองโลกในแง่ร้ายอยู่ คำว่า"Afraid of Everyone"ครานี้ อาจจะไม่ได้อยู่ในความหมายของ'รัฐใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือที่ทำให้ประชาชนยอมให้รัฐทำอะไรก็ได้ (แบบในสมัยBush)'ซะทีเดียว แต่ดูเหมือนจะเป็นการสะท้อนความรู้สึกในชาวอเมริกัน(โดยเฉพาะพวกอนุรักษ์นิยม)ที่กำลังโดนตบหน้าฉาดใหญ่จากความ"Change"ที่เข้าสู่ประเทศนี้อย่างสายฟ้าแลบ พวกเขามีผู้นำประเทศเป็นคนผิวไม่ขาว คนแรกในประวัติศาสตร์ (ประวัติศาสตร์อันแสนสกปรก)
จะเห็นว่าชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังตกอยู่ในความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ และ จนเกิดเป็นmovementที่ดูชวนขัน(แต่จุกจนตลกไม่ออก)มากมาย ถูกกล่อมจากการชวนเชื่อของสื่อขวาจัดที่ต่อต้านรัฐบาลนี้ ยัดเยียดเรื่องไร้สาระที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากประเทศนี้ (เช่นว่าประธานธิบดีผิวดำผู้นี้ไม่ใช่ชาวอเมริกันที่แท้จริง เป็นมุสลิม และ เป็นคอมมิวนิส)
ผมรู้สึกขนลุกกับท่อนท้ายเพลง ที่เขาร้องอย่างเจ็บปวดซ้ำๆว่า "Your voice is swallowing my soul, soul, soul" และรู้สึกgetความรู้สึกนี้อย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะได้มาอยู่ในสังคมไทย ที่เต็มไปด้วยความกลัวและความขัดแย้ง บางครั้งคำพูดของหลายๆคน จากหลายๆฝ่าย (ทั้งจากสื่อ และ จากคนรอบข้าง) มันก็กัดกินวิญญาณของเราๆเข้าไปเรื่อยๆ จนเหลือเป็นเพียงหุ่นเชิดโง่ๆ ที่ขยับตัวและขยับปากตามผู้เชิด [listen]
The National: "Runaway"
from High Violet (2010)
"there's no savin' anything (and) i was swallowing the shine of the sun" พวกเขาจั่วหัวแบบอารมณ์ตัดพ้ออย่างสิ้นหวัง 'มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย' ...การ'กลืนแสงสว่าง' เหมือนจะสะท้อนถึงการค่อยทำลาย'แสงสว่างปลายทางแห่งคำตอบ' ที่ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งหดหาย น้อยลง...น้อยลงไป... "but i won't no runaway 'cause i won't run" แต่กระนั้น เราก็ยังไม่ทิ้งไปไหน เพราะเราไม่ยอมแพ้
"what makes you think i'm enjoyin' being led to the flood? we got another thing comin' undone" ประโยคคำถามที่ถูกบิ้วขึ้นมาอย่างแยบยลจนเราไม่ได้ตั้งตัวก่อนที่ถ้อยคำ เหล่านี้จะถูกประมวลผลในหัว -- มันพูดถึงสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้อง เมื่อเราต่างโดนยัดเยียดให้เข้าไปอยู่ในกระแสของความขัดแย้งอันเชี่ยวกราด ทั้งที่ต่างรู้ดีกว่า ยังมีปัญหามากมายค้างคาอยู่ ...."คิดหรือว่าข้าพเจ้ามีความสุข?"
"we don't bleed when we don't fight" มองแว้บแรก ...คือการเรียกร้องให้อยู่เฉยๆและกลับสู่ความสงบ โดยไม่เสียเลือดเนื้อ แต่เมื่อพิจารณาทั้งบริบทแล้ว ผมมองว่า มันเป็นการ'fight'กับปัญหา กล่าวคือ เราพร้อมที่จะสู้กับปัญหาโดยตรง จะไม่หนีไป และจะผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ด้วยกัน "go ahead go ahead throw your arms in the air tonight" -- "go ahead go ahead throw your shirts in the fire tonight" [listen]
The National: "Lemonworld"
from High Violet (2010)
ไม่มีอะไรจะกัดจิกความเป็นคนเมือง คนทำงาน คนปัญญาชน ได้เท่าการกัดจิกตัวเองแล้ว ประโยคที่แสนจะclicheอย่าง "So happy I was invited. Give me a reason to get out of the city" เป็น'ความฝันหวานๆ' ของคนเมืองอย่างเราๆทุกคนอยู่แล้ว โอ้วอยากไปทะเล โอ้วอยากไปเห็นป่า ทุ่งนานั้นช่างสดใสเหลือเกิน ไปปายกันเถิด (ซึ่งเอาเข้าจริงๆสุดท้ายก็กลับมาตายรังที่เมืองอยู่ดี-- และจะมีซักที่คนที่เคารพความเป็นชนบทอย่างจริงใจ)
แต่ประโยคที่จิ๊ดที่สุดคือท่อน "But it'll take a better war to kill a college man like me" หลังจากที่ท่อนก่อนหน้านี้ เขาพูดถึงเหล่าพี่น้องทหารอเมริกาที่สละชีพในสงครามขณะที่คนมีการศึกษาอย่างพวกเขายังสามารถมีชีวิตชิวๆเหงาๆในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์คได้ ...มีอะไรจะแสบกว่านี้ได้อีก -- สงครามแค่นี้ไม่ได้สะเทือนอะไรพวกเราได้เลย นอกจากเป็นแค่ประเด็นเก๋ๆที่เราได้ใช้มันถกเถียงโชว์ความเป็นปัญญาชนกับเพื่อนพ้อง
"This pricey stuff makes me dizzy. I guess I've always been a delicate man" หรือ "I was a comfortable kid. But I don't think about it much anymore." หรือ "I'm too tired to drive anyway, anyway right now" ตอกย้ำความไร้ค่าจำเจของชีวิตคนเมืองอย่างขมขื่น โอ้วฉันช่างอ่อนไหว โอ้ววัยเยาว์ของฉันหายไปไหน โอ้วชีวิตนี้มันช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน แต่แท้จริงมันก็ไม่ใช่อะไรนอกจาก การหมกหมุ่นกับเรื่องของตัวเอง ในโลกแคบๆของตัวเอง ตัดขาดจากการ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ในโลกความจริงที่โหดร้ายกว่าหลายเท่านัก ...ภูมิคุ้มกันที่แสนอ่อนแอในโลก Lemonworld [listen]
17 September 2010
track | chromeo: "don't turn the lights on" (2010)
Chromeo: "Don't Turn The Lights On"
from Business Casual (2010)
เราเห็นวงที่retroยุคดนตรีดิสโก้ ดนตรีฟังค์รุ่งเรื่อง กันมามากมายเหลือเกิน ไอ้การเอาความเฉิ่มมาเปลี่ยนเป็นความเท่ห์ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่จะมีวงไหนที่ทำมันด้วยความเคารพต่อยุคสมัยนั้นได้เท่าChromeoกันเล่า ...เพราะงานของพวกเขาแทบจะเหมือนกับนั่งไทม์แมชชีนกลับไปยุคปลาย70sต้น80sสมัย จอห์น ทราโวตร้ากำลังแดนซ์เพลงดิสโก้อยู่ ยังไงอย่างนั้น -- ผมจำชื่อวงนี้ไว้ตั้งแต่ได้เริ่มดูวีดีโอ Night by Night ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ...ซึ่งแหม ...โคตรแป๋นแล๋นจนเลยขอบเขตของความน่าขันไปเป็นความมั่นใจที่เราต้องซูฮกจริงๆ -- Don't Turn The Lights On ก็เช่นกัน ใครที่มั่นใจว่าแมน ว่าเก๋า อาจจะยี้กับความเปรี้ยวทางดนตรีของพวกเขาได้ เพราะมันช่าง....เหลือเกิน โอ้ย...ชอบ
from Business Casual (2010)
เราเห็นวงที่retroยุคดนตรีดิสโก้ ดนตรีฟังค์รุ่งเรื่อง กันมามากมายเหลือเกิน ไอ้การเอาความเฉิ่มมาเปลี่ยนเป็นความเท่ห์ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่จะมีวงไหนที่ทำมันด้วยความเคารพต่อยุคสมัยนั้นได้เท่าChromeoกันเล่า ...เพราะงานของพวกเขาแทบจะเหมือนกับนั่งไทม์แมชชีนกลับไปยุคปลาย70sต้น80sสมัย จอห์น ทราโวตร้ากำลังแดนซ์เพลงดิสโก้อยู่ ยังไงอย่างนั้น -- ผมจำชื่อวงนี้ไว้ตั้งแต่ได้เริ่มดูวีดีโอ Night by Night ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ...ซึ่งแหม ...โคตรแป๋นแล๋นจนเลยขอบเขตของความน่าขันไปเป็นความมั่นใจที่เราต้องซูฮกจริงๆ -- Don't Turn The Lights On ก็เช่นกัน ใครที่มั่นใจว่าแมน ว่าเก๋า อาจจะยี้กับความเปรี้ยวทางดนตรีของพวกเขาได้ เพราะมันช่าง....เหลือเกิน โอ้ย...ชอบ
track | vampire weekend: "diplomat's son" (2010)
Vampire Weekend: "Diplomat's Son"
from Contra (2010)
อย่างที่ทราบกันว่าวงดนตรีนาม Vampire Weekend กำลังจะมาเล่นสดที่กรุงเทพ ดังนั้นน่าจะมีคนไทยมากมายsearchชื่อวงนี้ลงgoogle ...ดังนั้นเราควรจะเขียนถึงวงนี้ซักหน่อย จะได้ถูก'google มาโดนบ้าง' ...ปัญหาคือ ผมไม่ได้ชอบอัลบัมใหม่ของวงนี้มากเท่าไร (แต่ชอบอัลบัมแรกของพวกเขาในระดับ 'ชอบมาก' )ทั้งๆที่มันค่อนข้างจะฮิตในแวดวงคนฟังเพลง'นอกกระแส' -- ผมเลือก Diplomat's Son มาพูดถึงเพราะ ผมว่ามันมีความพิเศษจากเพลงอื่นๆ ไอ้ความ "ฉันเป็นคนขาวสำอาง ที่ขโมยดนตรีบ้านป่าของชาวแอฟริกามาใช้อย่างผู้ดีมีสกุล' ยังมีอยู่เต็มๆ (ซึ่งพวกเขาก็ขโมยมาจากคนขาวที่ชื่อ Simon อีกที-- ซึ่งอยู่ในเนื้อเพลงนี้ด้วยในท่อนหนึ่ง : "Cause I'm gonna take it from Simon")" ...นั้นชัดเจน จัดจ้าน จนรู้สึกว่า 'เออ โอเค กูยอมมึง เอ้า! มันส์!'
ใครชอบอารมณ์คิกขุในเพลงนี้ ลองฟังงานเดี่ยวของ Rostam Batmanglij นาม Discovery ดู ...น่าจะชอบ
14 September 2010
track | young montana: "sacre cool" (2010)
Young Montana: "Sacre Cool"
from free download (2010)
ดนตรีจากนักเล่นlaptopจากอังกฤษ ที่ช่วงนี้ดนตรีแนวนี้ก็ออกมามากมายพอตัว เพราะมันทำง่ายดีมั้ง แต่นานๆที่จะมีงานคมคายๆที่น่าพูดถึงออกมา (ส่วนมากจะเก๋ๆไปชั่วครั้งชั่วคราว) ...แต่Sacre Cool นี่มันcoolจริง ลีลาการตัดแปะ กระชากกระฉุด มันอออกมาเป็นดนตรีเต้นรำที่เดิ้นเหลือเกิน นึกถึงDaft Punkอะไรอย่างนี้เลย -- แซมป์ที่เลือกมาใช้ก็ดูร่าเริงรื่นรมณ์ ชวนนึกถึงดนตรีดิสโก้ หรือ ดนตรีป็อปเมนสตรีมแป๋นๆ ผสมผสามออกมาได้จัดจ้านเหลือเกิน
track | the intelligence: "like like like like like like like" (2010)
The Intelligence: "Like Like Like Like Like Like Like"
from Males (2010)
ชื่อเพลงคือคำว่า Like ซ้ำๆไปทั้งหมด 7 ครั้ง ดนตรีของพวกเขาเป็นริฟท์กีต้าร์ซ้ำๆเก๋าๆวนๆหลายครั้งอยู่ ...ง่ายๆดิบๆแบบนี้แหละสะใจๆ ตามธรรมชาติชาวฟังค์ชาวการาจ (ดูเล่นสดที่นี่) นึกถึงปลาย80sต้น90s ดนตรีจากรั้วมหาลัยในอเมริกา พวกดนตรีปัญญาชนเก๋าๆ ที่ไม่ว่าจะพยายามดิบเถื่อนยังไง ก็ยังรู้สึกถึงความเนิร์ดบางอย่างอยู่
track | surfer blood: "floating vibes" (2010)
Surfer Blood: "Floating Vibes"
from Astrocoast (2010)
Surfer Bloodเป็นวงแรกที่ถูกพูดถึงในblogนี้ เพลงSwimของพวกเขาโดนจริตของข้าพเจ้าอย่างจัง แต่อัลบัมAstrocoastของพวกเขา อยู่ในอาการ"โดนมั่งไม่โดนมั่ง" หนึ่งในส่วนที่'โดน'ก็คือเพลง Floating Vibesนี้แหละ ผมอยากจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในการ'เปิดอัลบัม'ที่เจ็บที่สุดแห่งปี ...คิดดู ...ตูม ...คอร์ดกีต้าร์เดียวหนาๆถูกปัดลงซ้ำๆ เหมือนยักษ์ย่ำช้าๆอยู่กับที่ ไม่ว่าใครทำอะไรอยู่ก็ต้องหยุดทำ แล้วหันมาฟังเพลงนี้แล้วละ แสบสุดๆ..
track | madvillain: "papermill" (2010)
Madvillain: "Papermill"
from Adult Swim's "8 singles 8 weeks" project (2010)
ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพลงจ๊าบๆอย่างนี้...คนไม่เก็ตพูดในตายก็ไม่เข้าใจ ...ฟังซะ: All day / Be celibate. Out of his element / Madvillain never forget like a elephant / Any bent set, idle threats all irrelevant / Get your man, while 'er tell 'em found it, sell a bit / Well writ, as well as well spit for the hell of it / Before the shell hit / Etiquette, spell it / Pumpin dumplin's a hundred and sumpin' sumpin' / Forest Gump chumps get clumps of nuttin' for nuttin' / Tourist, show 'em where the shore is where the shark's at / Hold up, spark that, park rat / Stirred not shaken / Absurd verbs since word to hot bacon / Wrote this rhyme on standard sand paper / Worked out the plan and plot for grand caper / Vil on the cover of Playbill / Grillin' make ya mother say "Ill, hey will ya!?" / Ten feet at least, the beast may still ya / "Yeah I feel ya, / Hey, hey what's better than the healer yet?" Worser than tequila / A money gettin' nigga that's thirstier than a squealer / I guess you had to be there / There was free beer / Last of the Ansars / On the microphone, cyclone, like Myanmar / Hand in the jar, got stuck, took it / Use the glasses, juxed a pot luck, crooked / Flashed and not lookin' / Four words: Cash on the spot... bookin' / Howdy / Never too loud for me, too rowdy and too black and too proud to be / And he's audi / Last seen with a Queen / Lakum Dinukum Waliyadin / Yah'mean? / ... ...
09 September 2010
track | dent may: eastover wives" (2010)
Dent May: "Eastover Wive"
from That Feeling b/w Eastover Wives (2010)
ใครกำลังโหยหาดนตรีป็อปสวยๆโบราณๆนุ่มๆ.... มาลอง Dent May... ล่าสุดปล่อยซิงเกิ้ลสองหน้านี้มา แทร็คที่โดนใจผมคือ "Eastover Wive" ฟังดู70sมากๆ นึกถึงสีสันแสงสีแบบดิสโก้ๆ ราวกับวงWings อะไรอย่างนั้น... แต่เสียงร้องแอบนึกถึงวงอินดี้แรดๆแบบPulp ..."High school sweethearts, they only talk about the weather...."
track | joy orbison: "so derobe" (2010)
Joy Orbison: "So Derobe"
from The Shrew Would Have Cushioned the Blow (2010)
ต้องขอยกย่องฝีมือการผสมเสียงของ Joy Orbisonจริง ...EP ใหม่ของเขามีเพลงแค่สามเพลง แต่แต่ละเพลงนั้นยาวเกือบสิบนาทีทั้งสิ้น ฟังกันให้อิ่มหูไปเลย ...แทร็คที่ยกมาแปะตรงนี้คือ So Derobe ซึ่งยาว6นาที ฟังแล้วสนุกสุดๆ ลากยาวกันด้วยจังหวะอารมณ์dubstepๆเจ็บๆ เสียงร้องขาดๆเกินๆสำเนียงR&B ตามสูตร ...ดนตรีแน่นปึกมาก หูเทพจริงๆ
08 September 2010
track | alunageorge: "make no mistake" (2010)
AlunaGeorge: "Make No Mistake"
from free download (2010)
AlunGeorgeคือใคร ผมก็ไม่แน่ใจ เป็นศิลปินเดี่ยวหรือวงหรือดูโอ หรืออะไรก็ไม่รู้ ...แต่ Make No Mistake นั้นช่างถูกจริตเหลือเกิน... เมื่อใดดนตรีตื่ดๆพบกับเสียงนักร้องสาวเปรี้ยวๆ เมื่อนั้นดนตรีเต้นเก๋ๆจะบังเกิด เพลงนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ...ฟังดู ฟังดู เทคโนกระแทกๆฟลอร์ตูมตูม! ท่อนฮุกแบบยั่วๆ
track | japandroids: "wet hair" (2009) + teen daze: "wet hair" (2010)
Japandroids: "Wet Hair"
from Post-Nothing (2009)
Teen Daze: "Wet Hair (Japandroids Cover)"
from free download (2010)
Wet Hair เป็นหนึ่งในเพลงแห่งปี2009 สำหรับข้าพเจ้า ...ฟังค์กระจาย ระเบิดเถิดเทิง สะใจแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก วัยรุ่นๆฮอร์โมนพุ่งพล่าน เต็มไปด้วยlineเจ็บๆเก๋าๆอย่าง "Let's get to France So we can French kiss some French girls!" -- โดนรีมิกซ์ซะ... Teen Daze จับมาทำซะชิวสะบัด ดนตรีอิเล็กโทรนิคแบบบ้านๆทำด้วยคอมในห้องนอนง่าย... เก๋าไปอีกแบบ
05 September 2010
track | porcelain raft: "dragonfly" & "despite everything" (2010)
Porcelain Raft: "Dragonfly"
Porcelain Raft: "Despite Everything"
from Collection Of Porcelain (2010)
Porcelain Raft เป็นศิลปินแบบ'กูทำคนเดียว' สไตล์ 'กีต้าร์+คอม' ที่มีผลงานออกมาเรื่อยๆ ทีละเพลง ทีละเพลง มาซักระยะนึงแล้ว (แถมตัดต่อมิวสิควีดีโอแบบบ้านๆอาร์ตๆเอง(มั้ง)อีก) จริงๆก็เคยพูดถึงไปเพลงนึงแล้วหลายเดือนก่อน -- ช่วงนี้โดนไปอีกสองเพลง เริ่มที่Dragonfly ที่อบอวนด้วยทางดนตรีแบบโคตรeasy-listeningรุ่นคุณพ่อเชยๆ แต่เช่นเคย ยังเอาอารมณ์shoegazeเก๋ๆเข้าไปใส่อย่างลงตัว กลายเป็นเพลงป็อปฟุ้งๆที่หลับตาฟังแล้วตัวลอยได้ทีเดียวเชียว -- Despite Everything ลดทอนทั้งสปีดที่ลงมาเป็นเพลงที่เชื่องช้าอ้อยอิ่ง และองค์ประกอบแน่นๆจากกีต้าร์แตกพล่าน ก็กลายเป็นเปียโนกัดน้ำยาdelay และสายกีต้าร์เส้นๆเล็กๆที่ถูกปั่นลากเป็นเส้นยาวต่อเนื่อง ฟังดูsurrealล่องลอย อบอุ่น และชวนเหงาแบบหนาวๆบอกไม่ถูก -- Porcelain Raft... จำชื่อนี้ไว้ แน่ใจได้เลยว่าน่าจะมีผลงานออกมาอีก (ปล. ดูเล่นสดacoustic ได้ที่นี่)
Subscribe to:
Posts (Atom)
Blog Archive
-
▼
2010
(145)
-
▼
September
(15)
- track | owen pallett: "don't stop" (2010)
- track | sweet bulbs: "springstrung" (2010)
- track | björk: "the comet song" (2010)
- track | the national: "afraid of everyone" + "runa...
- track | chromeo: "don't turn the lights on" (2010)
- track | vampire weekend: "diplomat's son" (2010)
- track | young montana: "sacre cool" (2010)
- track | the intelligence: "like like like like lik...
- track | surfer blood: "floating vibes" (2010)
- track | madvillain: "papermill" (2010)
- track | dent may: eastover wives" (2010)
- track | joy orbison: "so derobe" (2010)
- track | alunageorge: "make no mistake" (2010)
- track | japandroids: "wet hair" (2009) + teen daze...
- track | porcelain raft: "dragonfly" & "despite eve...
-
▼
September
(15)